9 วิธีลดยูริกอย่างมีประสิทธิภาพ

หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า ยูริกเป็นตัวสำคัญตัวหนึ่งที่จะช่วยบอกโรคได้ ยิ่งยูริกสูงยิ่งอันตรายต่อสุขภาพ หากปล่อยยูริกสูงไว้นานๆ จะนำโรคภัยมาสู่ตัวเราได้ ไม่ว่าจะโรคเกาต์ โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ นิ่วในทางเดินปัสสาวะ ไตวายเรื้อรัง โรคอ้วนลงพุง ทางที่ดีจึงควรดูแลยูริกไม่ให้สูงจนนำโรคมาสู่ตัว แล้วมีอะไรบ้างล่ะ ที่จะช่วยลดยูริกได้อย่างมีประสิทธิภาพ วันนี้เราจะพามารู้จักวิธีเหล่านั้นกันครับ

1.) ลดเนื้อสัตว์ 🥩 หลายคนคิดว่าเมื่อยูริกสูงจะต้องงดเนื้อเป็ด เนื้อไก่ เท่านั้น แต่จริงๆ แล้วเนื้อสัตว์ทำให้ยูริกสูงได้หมด เพราะว่าสารที่ร่างกายเราเอาไปสร้างยูริก คือ DNA ของสัตว์ ดังนั้นไม่ว่าเราจะกินเนื้อสัตว์อะไรก็ตามก็สามารถทำให้ยูริกสูงได้ทั้งหมด นอกจากลดการกินเนื้อสัตว์ลงแล้วก็ควรต้องลดการกินน้ำซุปด้วย เพราะว่าน้ำซุปโดยทั่วไปแล้วมักต้มมาจากกระดูกหมู กระดูกไก่ แล้วในน้ำซุปยังมีทั้งเกลือ น้ำตาล กินเล็กน้อยได้แต่ไม่ควรกินเยอะ 

2.) ลดแอลกอฮอล์ 🍺 โดยเฉพาะเบียร์ เป็นตัวการหลักที่ทำให้ยูริกสูง เพราะจะทำให้ร่างกายขับกรดยูริกทางปัสสาวะลดลงจึงทำให้ระดับกรดยูริกในเลือดสูงขึ้นได้ (ถ้างดได้เลยจะยิ่งดีต่อสุขภาพ)

3.) ลดน้ำอัดลม 🥤 ในน้ำอัดลมจะมีน้ำตาลฟรุกโตส ซึ่งเป็นตัวการหลักอีกตัวที่ทำให้ยูริกสูง รวมไปถึงเครื่องดื่มรสหวานทุกชนิด แต่ทางที่ดี คือ งดดื่มน้ำอัดลมไปได้เลยจะยิ่งดี เพราะหากกินน้ำตาลฟรุกโตสในปริมาณมาก เมื่อร่างกายมีการเผาผลาญน้ำตาลฟรุกโตสนี้จะเปลี่ยนไปเป็นยูริกในเลือด ยิ่งกินเยอะจึงมียูริกในเลือดสูงนั่นเอง

4.) เลี่ยงผลไม้รสหวาน 🍉 (แต่ยังสามารถกินผลไม้ไม่หวานในปริมาณน้อยได้บ้าง) เพราะน้ำตาลในผลไม้ คือ น้ำตาลฟรุกโตสจึงไม่ควรกินมากเกินไป 

5.) การทำ IF ⏰ ยูริกทำให้เกิดโรค Metabolic Syndrome เนื่องจากเวลาที่เรากินเยอะ การที่ร่างกายจะเผลาผลาญอาหารให้เป็นพลังงานจะเกิดของเสียออกมาด้วย ของเสียนั้น คือ อนุมูลอิสระ ปกติแล้วกระบวนการของร่างกายที่จะสร้างสารต้านอนุมูลอิสระมันจะให้ยูริกออกมาด้วย เพราะฉะนั้นเวลาที่ทำ IF ปริมาณอาหารที่ได้ต่อวันมักจะลดลง ของเสียหรืออนุมูลอิสระที่ออกมานั้นก็จะลดลงตามไปด้วย เพราะฉะนั้นการทำ IF ช่วยลดยูริกได้

6.) ดื่มน้ำแร่ 💦 70% ของยูริกขับออกทางปัสสาวะ ดังนั้นหากกินน้ำเยอะขึ้นยูริกก็จะขับออกได้ดีขึ้น ซึ่งยูริกเป็นกรด แต่น้ำแร่หรือน้ำที่เป็นด่างจะช่วยขับกรดยูริกออกไปได้ดี แต่ไม่ควรดื่มน้ำ RO (Roverse Osmosis) เป็นน้ำที่สะอาดมาก แทบจะไม่มีแร่ธาตุอะไรในน้ำเลย แล้วน้ำ RO จะมีความเป็นกรดอยู่เล็กน้อยเมื่อกินแล้วจะยิ่งทำให้ยูริกตกตะกอนแล้วขับออกได้ยากมากขึ้น

7.) กินโซดามินท์ (Sodium Bicarbonate) ✴️ เพราะจะทำให้ร่างกายเป็นด่าง เมื่อร่างกายเป็นด่างจะขับกรดยูริกออกได้ดี โซดามินท์จะกินแบบเม็ด แนะนำให้กิน 4 เม็ดตอนเช้า และ 4 เม็ดตอนเย็น แต่ห้ามกินพร้อมอาหารเด็ดขาด ควรกินตอนท้องว่างเท่านั้น ที่ห้ามกินพร้อมอาหารเพราะว่าโซดามินท์เป็นด่าง เวลาที่กินพร้อมอาหารในกระเพาะเรามีกรดย่อยอาหารอยู่ เมื่อกินด่างเข้าไปมันจะทำให้กรดย่อยอาหารนั้นหายไปจึงทำให้ย่อยอาหารได้ไม่ดี 

💫 ตัวเลือกอีกตัวที่ดี คือ น้ำดื่มอัลคาไลน์ (Alkaline Water) 🫗 จะช่วยลดความเป็นกรดได้ สามารถกินพร้อมอาหารได้ ใช้ในคนที่เป็นโรคกระเพาะก็ได้ พวกเครื่องดื่มเหล่านี้บางครั้งก็อาจมีการใส่แมกนีเซียมลงไป ซึ่งแมกนีเซียมเป็นแร่ธาตุที่มีความเป็นด่างสูงที่สุด เพราะฉะนั้นการกินแมกนีเซียมก็จะช่วยให้ร่างกายมีความเป็นด่างมากยิ่งขึ้น และช่วยให้ยูริกขับออกได้ดีขึ้นด้วย

8.) กินอาหารเสริมที่ช่วยลดยูริก ✨ ตัวที่เด่นที่สุด คือ Celery (ขึ้นฉ่ายฝรั่ง) กินสดได้หรือเลือกเป็นแบบอาหารเสริมเป็นเม็ดก็ได้ หากเลือกเป็นเม็ดแนะนำที่มีส่วนประกอบของ Flaxseed (เมล็ดแฟล็กซ์) ร่วมด้วย เพราะเมล็ดแฟล็กซ์เป็นตัวช่วยดูแลเรื่องความดัน เพราะยูริกทำให้เกิดความดันโลหิตสูง หรือ Magnesium เป็นแร่ธาตุที่มีความเป็นด่างสูง การกินแมกนีเซียมก็จะช่วยให้ร่างกายมีความเป็นด่างมากยิ่งขึ้น และช่วยให้ยูริกขับออกได้ดีขึ้นด้วย ส่วน Multimineral จะทำให้ร่างกายเป็นด่าง ช่วยขับยูริกออกได้ดีขึ้น

9.) การกินยา 💊 หากเราทำมาทั้งหมด 8 ข้อแล้ว แต่ผลที่ออกมายังไม่ดีพอก็อาจต้องพึ่งยาในการดูแลยูริก ซึ่งยาที่จะช่วยในการดูแลกรดยูริก เราควรปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะกินยา

ยูริกเป็นเรื่องสำคัญที่เราไม่ควรมองข้าม เพราะเป็นบ่อเกิดของโรคหลายๆ อย่าง การดูแลใส่ใจเรื่องยูริกอย่างเนิ่นๆ ก็จะทำให้เราห่างไกลโรคได้ และควรเลี่ยงสิ่งใดๆ ก็ตามที่จะทำให้ยูริกสูง พยายามทำให้สม่ำเสมอ เราเชื่อว่าเมื่อทำแล้วยูริกที่สูงก็จะลดลงได้อย่างแน่นอน เริ่มดูแลยูริกกันตั้งแต่วันนี้เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงกันนะครับ : )

โรคที่ตามมากับยูริกสูง

บางคนอาจยังไม่รู้ว่า ยูริก คือตัวร้ายที่ทำลายสุขภาพของเราได้อย่างมากมาย บางคนอาจมองข้ามยูริกไปเพราะอาจคิดว่า ยูริกเป็นแค่ค่าตัวหนึ่งที่ไม่ได้สำคัญมากนัก ไม่ส่งผลเสียอะไรต่อร่างกาย แต่จริงๆ แล้ว ยูริกเป็นค่าที่สำคัญอย่างมากที่สามารถบ่งบอกโรคที่จะตามมาหลังจากยูริกสูงได้มากมาย วันนี้เราจึงพามารู้จักเกี่ยวกับโรคภัยที่เป็นผลพวงที่เกิดมาจากยูริกสูงกันครับ

🛑 1. โรคเกาต์ (Gout) ยูริกมีลักษณะเป็นผลึกเข็ม ซึ่งเวลาที่ยูริกไปตกตะกอนอยู่ในข้อแล้วก็จะทำให้ปวดข้อขึ้นมาได้ 

🛑 2. โรคความดันโลหิตสูง พบหลักฐาน 3 อย่าง ที่บ่งบอกว่ายูริกเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดความดันโลหิตสูงได้ คือ

🔹 2.1) พบว่า 40% ของคนที่เป็นความดันโลหิตสูงจะมียูริกสูงด้วย 

🔹 2.2) พบว่า ถ้าคุณเป็นความดันโลหิตสูงตั้งแต่อายุน้อย มีความดันต่ำกว่า 35 คนในกลุ่มนี้ 90% มียูริกสูง (เมื่อได้ทำการแก้เรื่องของยูริกแล้ว พบว่า ความดันดีขึ้น) 

🔹 2.3) ทำการทดลองกับหนู โดยทำให้เกิดยูริกสูงในหนูทดลองเหล่านั้น พบว่า หนูที่มียูริกสูงเป็นความดันโลหิตสูงด้วย 

🛑 3. โรคหลอดเลือดหัวใจ เนื่องจากยูริกมีลักษณะเป็นเหมือนผลึกเข็ม หากปล่อยให้ยูริกสูงในเลือด ยูริกจะไปขูดผนังหลอดเลือด ทำให้ผนังหลอดเลือดเป็นรอย เป็นแผล เมื่อเกิดรอย เกิดแผลก็จะมีคอเลสเตอรอลไปเกาะไปพอกตรงแผลนั้น เพราะฉะนั้นความเสี่ยงที่จะเกิดหลอดเลือดหัวใจอุดตันก็จะตามมา 

🛑 4. นิ่วในทางเดินปัสสาวะ เวลาที่เกิดนิ่ว แล้วนิ่วมักจะเป็นตะกอนอยู่แล้ว ยูริกจะไปส่งเสริมให้ตะกอนเหล่านั้นให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เพราะฉะนั้นถ้าเกิดปล่อยให้ยูริกสูงเป็นเวลานานจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นนิ่วในทางเดินปัสสาวะเพิ่มมากขึ้น

🛑 5. ไตวายเรื้อรัง เนื่องจากไตมีความสัมพันธ์กับยูริกโดยตรง คนใดก็ตามที่มีไตวาย สิ่งที่หมอจะถามส่วนมาก คือ 1.) ยาที่กิน 2.) ยูริก 3.) ความดันโลหิตสูง ซึ่งทำให้พบว่า ยูริกมีความสัมพันธ์กับไตวายเรื้อรัง เพราะยูริกจะทำให้ค่าการกรองของไต (GFR) ลดลง โดยมีหลักฐานยืนยันอยู่ 4 ข้อ ที่บ่งบอกว่ายูริกสัมพันธ์กับไตวายเรื้อรัง คือ

🔹 5.1) ในผู้ชาย พบว่า ถ้าค่ายูริกสูงเกินกว่า 7 จะทำให้ความเสี่ยงในการเกิดโรคไตวายเรื้อรังสูงขึ้น 2.14 เท่า หากมีค่ายูริกสูงเกินกว่า 8 ความเสี่ยงในการเกิดไตวายเรื้อรังสูงกว่าปกติ 3 เท่า 

🔹 5.2) ในผู้หญิง พบว่า ถ้าค่ายูริกสูงเกินกว่า 7 จะทำให้ความเสี่ยงในการเกิดโรคไตวายเรื้อรังสูงขึ้น 3.12 เท่า หากมีค่ายูริกสูงเกินกว่า 8 ความเสี่ยงในการเกิดไตวายเรื้อรังสูงถึง 10 เท่าเลยทีเดียว (ผู้หญิงจะมีความเสี่ยงที่เกิดไตวายเรื้อรังสูงกว่าผู้ชาย เพราะโดยมากแล้วผู้หญิงที่ประจำเดือนยังไม่หมด ยูริกจะน้อย เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนช่วยขับยูริกออก แต่ผู้หญิงที่ควรระวังเรื่องยูริกสูง คือ ผู้หญิงที่ประจำเดือนหมดแล้ว ที่ฮอร์โมนไม่สมดุล จึงอาจจะขับยูริกออกมาได้ยากขึ้น)

🔹 5.3) ทุก 1 มิลลิกรัม ของยูริกที่สูงขึ้นจะทำให้ค่าการกรองของไต (GFR) ลดต่ำลงเรื่อยๆ 

🔹 5.4) ยูริกสูงเท่าไหร่ถึงจะเพิ่มความเสี่ยงของไตวายเรื้อรัง? ผู้ชายยูริกสูงเกิน 6.5 ผู้หญิงสูงเกิน 5.3 (เมื่อเราไปเจาะเลือดตรวจสุขภาพแล้วเราอดอาหาร ค่ายูริกที่ปลอดภัย คือ ผู้ชายควรต่ำกว่า 6 ผู้หญิงควรต่ำกว่า 5)

🛑 6. Metabolic Syndrome โรคที่เกี่ยวกับกระบวนการทางเคมีของร่างกายที่ผิดปกติ โดนมักจะเจอค่าเลือดที่ผิดปกติเล็กน้อย เช่น น้ำตาลสูงเล็กน้อย (แต่ยังไม่เป็นเบาหวาน) ไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์สูงเล็กน้อย (แต่ยังไม่ต้องกินยา) ค่า HDL (ไขมันดี) ต่ำ 

🔹 โรคนี้ในภาษาไทยเรียกอีกอย่างว่า โรคอ้วนลงพุง โดยจะวินัจฉัยจจากการดูค่าแลป แล้วค่าแลปนั้นมักจะมีค่าบางอย่างที่ผิดปกติบ้างเล็กน้อย ประกอบกับมีพุงใหญ่ ซึ่งหากมีพุงใหญ่ก็อาจมีไขมันพอกตับได้อีกด้วย 

🔹 อีกอย่าง Metabolic Syndrome สามารถเรียกว่า เป็นภาวะก่อนเบาหวานได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งหากเป็น Metabolic Syndrome แล้วยังไม่ทำการรักษาหรือแก้ไขจะทำให้รู้เลยว่าในอนาคตจะสามารถเป็นเบาหวานได้ 

🔹 ยูริกเปรียบเหมือนสารต้านอนุมูลอิสระของร่างกาย ปกติกระบวนการสร้างสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกายก็จะมียูริกออกมาด้วย ยิ่งในคนที่อ้วนลงพุง ที่กินเยอะ ยิ่งกินเยอะมากเท่าไหร่ เวลาที่ร่างกายเผาผลาญอาหารเพื่อให้ได้พลังงานออกมาก็จะมีของเสียออกมาด้วย ของเสียเหล่านั้น คือ อนุมูลอิสระ เมื่อมีอนุมูลอิสระเยอะ ร่างกายจะต้องสร้างสารต้านอนุมูลอิสระขึ้นมา เวลาที่ร่างกายจะสร้างสารต้านอนุมูลอิสระขึ้นมาก็จะมียูริกออกมาด้วย เพราะฉะนั้นยูริกจึงมักมาคู่กับ Metabolic Syndrome ดังนั้นเวลาที่ไปตรวจสุขภาพประจำปีควรที่จะตรวจยูริกด้วย เพราะยูริกเป็นตัวสำคัญตัวหนึ่งที่บอกโรคได้เยอะ

จะเห็นได้ว่า ยูริก เป็นค่าตัวหนึ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก เป็นตัวบอกโรคได้มากมาย เวลาเราไปตรวจสุขภาพก็ไม่ควรละเลยที่จะตรวจยูริก เพราะหากรู้ตั้งแต่เนิ่นๆ ว่าเรามียูริกสูงจะได้ทำการแก้ไขหรือรักษาต่อไป ไม่อาจปล่อยให้ยูริกสูงอยู่นานๆ ไม่งั้นโรคภัยต่างๆ จะตามมาอย่างแน่นอน ยังไงก็ตามควรใส่ใจเรื่องยูริกเพิ่มขึ้นมาอีกอย่าง เพื่อสุขภาพที่ดีของเรากันนะครับ : )

0
308