@ratanon
2 years ago - 2022-02-08 09:21:23
API Security Checklist
Checklist ที่ต้องให้ความสำคัญเมื่อมีการสร้าง API ในช่วงการออกแบบ ทดสอบระบบ และการปล่อยให้คนนอกใช้
Authentication (การพิสูจน์ตัวตน)
- ไม่ควรใช้ Basic Auth (การ authen ปกติด้วยusername password) สำหรับการพิสูจน์ตัวตน แต่ให้ใช้รูปแบบมาตรฐานสากลแทน(e.g. JWT, OAuth).
- ไม่ต้องเสียเวลาสร้างวิธี Authentication ใหม่ขึ้นมา ให้ใช้ที่มีอยู่ในมาตรฐานไปเลย
- ให้มีการจำกัดจำนวนครั้งในการพยายาม authen และสร้างระบบล็อคกรณีพยายามเกินกำหนด
- ข้อมูลที่สำคัญควรมีการเข้ารหัสเสมอ
JWT (JSON Web Token)
- key ในการ generate token ควรมีความซับซ้อนสูง เพื่อป้องกันการ brute force หาตัวเข้ารหัส
- ไม่ควรมีการแกะข้อมูลหรือขั้นตอนการถอดข้อมูลในฝั่ง client. ให้มีเฉพาะในฝั่ง server เท่านั้น โดยอาจใช้วิธีเข้ารหัสด้วย HS256 หรือ RS256 เอา
- พยายามให้ token หมดอายุให้ไวที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ (TTL, RTTL)
- ไม่ควรเก็บข้อมูลสำคัญใน payload ของ JWT เพราะอาจถูกแกะได้ ง่าย
OAuth
- มีการ validate redirect_uri ในฝั่ง server โดยยอมรับuriเฉพาะที่มีอยู่ในลิสต์ที่เราเชื่อถือเท่านั้น (whitelist)
- บังคับให้มีการใช้ response_type เป็น code เสมอ (พยายามเลี่ยง response_type=token)
- ตัวแปร state ให้ใช้ random hash เพื่อป้องกัน CSRF (Cross Site Request Forgery) ในช่วง OAuth authentication.
- กำหนด scope และมีการ validate scope ตัวแปรสำหรับแต่ละแอป
Access
- จำกัดจำนวนสูงสุดของ request เพื่อป้องกัน DDoS / Bruteforce
- ใช้ https เพื่อป้องกัน MITM (Man In The Middle Attack).
- ใช้ HSTS header กับ SSL เพื่อป้องกัน SSL Strip attack.
Input
- ใช้คำสั่ง HTTP ตาม operation ที่ทำ เช่น GET (read), POST (create), PUT/PATCH (replace/update) and DELETE (to delete a record) และตอบกลับด้วย 405 Method Not Allowed ถ้าไม่มีการรองรับ request ด้วย method นั้นในระบบ.
- Validate content-type ใน header ขา request (Content Negotiation) โดยยอมให้ส่งมาเฉพาะ format ที่กำหนด (e.g. application/xml, application/json... และอื่นๆ) และตอบกลับด้วย 406 Not Acceptable ถ้า format ที่ส่งมาไม่ถูก.
- Validate content-type ของ data ที่รับมาทุกครั้ง(e.g. application/x-www-form-urlencoded, multipart/form-data ,application/json... ).
- Validate ข้อมูลที่ user ใส่เข้ามาทุกครั้งเพื่อป้องกันช่องโหว่ที่โดนกันบ่อยๆ (e.g. XSS, SQL-Injection, Remote Code Execution ... etc).
- ห้ามเอาข้อมูลสำคัญไปใส่ไว้ใน URL (เช่น /servicexxx?creditcardnum=1234) แต่ให้ไปแปะไว้ใน authorization header แทน (credentials, Passwords, security tokens, or API keys)
- ทำ API Gateway เพื่อให้สามารถทำ caching, Rate Limit, Spike Arrest, และการจัดสรรค์ทรัพยากรสำหรับ API ได้อย่างยืดหยุ่น
Processing
- ตรวจดูว่า endpoints ทุกจุดอยู่ภายใต้ authentication เพื่อป้องกันช่องโหว่ที่ทำให้คนอื่นมาเรียกใช้โดยไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ตัวตน
- ไม่ควรนำ resource ID ของ user ไปใช้ (/user/654321/orders) แต่ให้ไปใช้แบบ /me/orders แทน เพื่อป้องกัน user เปลี่ยนไปใช้ของคนอื่น
- เลข ID ของ user ไม่ควรมีการสร้างแบบไล่ลำดับเพิ่มไปเรื่อยๆ แต่ให้สร้าง UUID แทน
- ถ้ามีการ parsing ไฟล์ XML, ให้ปิดส่วนของ Entity parsing ไว้เพื่อเลี่ยงที่จะโดนช่องโหว่ต่างๆเช่น (XML external entity attack, Billion Laughs/XML bomb)
- ใช้ CDN เมื่อจำเป็นต้องมีการ upload ไฟล์จาก client
- หากต้องเผชิญกับข้อมูลขนาดใหญ่ ให้ใช้ Workers กับ คิวในการจัดการเพื่อให้มีการตอบข้อมูลกลับได้อย่างรวดเร็วจะได้ไม่เกิดคอขวดขึ้น
- อย่าลืมปิดโหมด DEBUG ใน code หากทำไว้
Output
- ตั้ง X-Content-Type-Options: nosniff ใน header.
- ตั้ง X-Frame-Options: deny ใน header.
- ตั้ง Content-Security-Policy: default-src 'none' ในheader.
- เอา fingerprinting headers ออก - X-Powered-By, Server, X-AspNet-Version etc.
- กำหนด content-type ใน response เช่นถ้าต้องการส่งข้อมูลที่เป็น json กลับไป ก็เซ็ต content-type เป็น application/json ไปเลย
- ไม่ต้องส่งข้อมูลส่งข้อมูลสำคัญกลับไปหา client (credentials, Passwords, security tokens).
- ตอบ status code ที่ตรงกับ operation กลับไป (e.g. 200 OK, 400 Bad Request, 401 Unauthorized, 405 Method Not Allowed ... etc)
CI & CD
- ตรวจสอบ design กับ implementation ในขั้น unit/integration test อย่างครอบคลุม
- ให้ใช้ code review process ไม่ใช่ว่าตัวเองพอใจก็โอเคแล้ว
- มั่นใจว่าทุกอย่างใน service ปลอดไวรัสแล้วก่อนจะนำขึ้น production รวมถึง lib ของพวก vendor กับ dependencies อื่นๆด้วย
- ออกแบบวิธี rollback ไว้ด้วยก่อนจะนำขึ้นไป เพราะเวลาเกิดปัญหาจะได้ย้อนกลับมาใช้ version เก่าไปก่อนได้ (อาจพบได้บ่อยตอนพัฒนา feature ใหม่ๆ)