Eclipse ปลั๊กอิน

Eclipse อาวุธของนักพัฒนา java บทความนี้จะพูดถึง การใช้เครื่องมือต่างๆใน Eclipse มีตัวไหนน่าสนใจ ใช้อย่างไรให้ได้งานเร็วที่สุด การใช้ Eclipse เพื่อเขียนและเรียกใช้ Java ได้แบ่งเป็นขั้นตอนหลักๆ ดังนี้


ขั้นที่ 1: ดาวน์โหลดและติดตั้ง Eclipse

  1. ไปที่เว็บไซต์ https://www.eclipse.org/downloads/ เพื่อดาวน์โหลด Eclipse IDE for Java Developers (หรือเวอร์ชันที่คุณต้องการ) ที่เหมาะสมสำหรับระบบปฏิบัติการของคุณ (Windows, macOS, หรือ Linux).
  2. ดาวน์โหลดไฟล์ติดตั้ง .zip และแตกไฟล์ไปยังตำแหน่งที่คุณต้องการบนเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ


ขั้นที่ 2: เปิดโปรแกรม Eclipse

  1. เรียกใช้โปรแกรม Eclipse โดยเปิดไฟล์ eclipse.exe ที่อยู่ในโฟลเดอร์ที่คุณแตกไฟล์ไป


ขั้นที่ 3: สร้างโปรเจ็กต์ใหม่

  1. เมื่อโปรแกรม Eclipse เปิดขึ้นมา คุณจะเห็นหน้าต่าง "Welcome".
  2. เลือก "Create a new Java project" หรือ "File" -> "New" -> "Java Project" เพื่อสร้างโปรเจ็กต์ใหม่.
  3. ในหน้าต่าง "New Java Project" ให้ป้อนชื่อโปรเจ็กต์ของคุณในช่อง "Project name" และคลิก "Finish" เพื่อสร้างโปรเจ็กต์


ขั้นที่ 4: สร้างและแก้ไขไฟล์ Java

  1. เมื่อโปรเจ็กต์ถูกสร้างขึ้น คลิกขวาที่โปรเจ็กต์ในที่ที่ชื่อว่า "src" (แทนด้วยชื่อโปรเจ็กต์ของคุณ) ในส่วนของ "Package Explorer" และเลือก "New" -> "Class" เพื่อสร้างคลาสใหม่.
  2. ในหน้าต่าง "New Java Class" ให้ป้อนชื่อคลาสในช่อง "Name" และคลิก "Finish" เพื่อสร้างคลาส.
  3. เมื่อคลาสถูกสร้างขึ้น คุณสามารถเริ่มเขียนโค้ด Java ได้ในแก้ไขข้อความของ Eclipse.


ขั้นที่ 5: รันและทดสอบโปรแกรม Java

  1. เพื่อรันโปรแกรม Java ที่คุณเขียน ให้คลิกขวาที่คลาสที่คุณต้องการรัน ใน "Package Explorer" และเลือก "Run As" -> "Java Application".
  2. ผลลัพธ์จะปรากฏในหน้าต่าง "Console" ด้านล่างของ Eclipse


นี่คือขั้นตอนพื้นฐานในการใช้ Eclipse เพื่อเขียนและรันโปรแกรม Java อย่างสั้นๆ


เข้าเรืื่องกันเลย

Eclipse เป็น IDE (Integrated Development Environment) ที่มีหลายเครื่องมือและปลั๊กอินที่ช่วยให้การพัฒนาโปรแกรมด้วย Java เป็นไปได้อย่างสะดวกสบาย นี่คือบางเครื่องมือที่น่าสนใจใน Eclipse


  1. Java Editor: Eclipse มีตัวแก้ไขโค้ด Java ที่มีคุณลักษณะมากมาย เช่น การเน้นไซน์และการเติมคำ (syntax highlighting), การเติมโค้ดอัตโนมัติ (code completion), การแสดงข้อมูลประกอบ (code snippets), การเครื่องหมายทางเลือก (code folding), การจัดรูปแบบ (code formatting) และอื่นๆ เพื่อช่วยให้คุณเขียนโค้ดได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
  2. ตัวอย่างการใช้งานของแกลลอรี่: Eclipse มีเครื่องมือที่ช่วยในการเรียกใช้และจัดการกับแกลลอรี่ของ Java อย่างสะดวก เช่น การนำเข้าแกลลอรี่แบบอัตโนมัติ (auto-import), การสร้างแกลลอรี่ใหม่, การค้นหาคลาสและเมทอดในแกลลอรี่, และการแสดงเทมเพลตโค้ดสำหรับการใช้งานที่มักเกิดขึ้น.
  3. Debugger: Eclipse มีเครื่องมือตัวตรวจสอบ (debugger) ที่ช่วยให้คุณสามารถตรวจสอบและแก้ไขข้อผิดพลาดในโปรแกรมของคุณได้อย่างรวดเร็ว คุณสามารถหยุดโปรแกรมในจุดที่กำหนดได้, ตรวจสอบค่าตัวแปร, และติดตามการเรียกฟังก์ชันได้
  4. การจัดการโปรเจ็กต์: Eclipse ช่วยให้คุณสามารถจัดการโครงสร้างโปรเจ็กต์ของคุณได้อย่างง่ายดาย คุณสามารถสร้างโปรเจ็กต์ใหม่, สร้างและจัดการไลบรารี, และเรียกดูและจัดการไฟล์ในโปรเจ็กต์ได้ในที่เดียว
  5. Version Control Integration: Eclipse มีการรองรับเครื่องมือควบคุมรุ่น (version control) เช่น Git, Subversion (SVN), Mercurial, CVS และอื่นๆ ซึ่งช่วยให้คุณสามารถจัดการการเก็บรักษาความเปลี่ยนแปลงในโปรแกรมของคุณได้
  6. JUnit Integration: Eclipse มีการรองรับการทดสอบหน่วย (unit testing) โดยใช้ JUnit ทำให้คุณสามารถเขียนและรันเทสเคสของคุณได้โดยง่าย คุณสามารถดูผลลัพธ์ของเทสเคสได้ทันทีและตรวจสอบว่าโค้ดของคุณทำงานถูกต้องหรือไม่
  7. การวิเคราะห์โค้ด (Code Analysis): Eclipse มีเครื่องมือวิเคราะห์โค้ดที่ช่วยให้คุณค้นหาข้อผิดพลาดหรือปัญหาในโค้ดได้อย่างง่ายดาย เช่น ตรวจสอบความถูกต้องของโค้ด, การใช้งานตัวแปรที่ไม่ถูกใช้งาน, และการค้นหาบั๊กโดยอัตโนมัติ
  8. Refactoring Tools: Eclipse มีเครื่องมือที่ช่วยในการทำการ Refactoring โค้ด ทำให้คุณสามารถทำการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างโค้ดโดยอัตโนมัติเพื่อปรับปรุงคุณภาพของโปรแกรม ส่วนยอดเยี่ยมของ Refactoring Tools ได้แก่การเปลี่ยนชื่อตัวแปร, การย้ายเมทอดไปยังคลาสอื่น, การรวมโค้ดที่ซ้ำกัน, การแยกเมทอดออกเป็นเมทอดย่อย, และอื่นๆ
  9. Maven Integration: Eclipse รองรับการใช้งาน Maven ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับการจัดการโครงสร้างโปรเจ็กต์ Java และการจัดการขึ้นอยู่กับโปรเจ็กต์ คุณสามารถสร้างโครงสร้างโปรเจ็กต์ Maven ใหม่, อัปเดตและเรียกใช้การติดตั้งของแพคเกจ Maven, และจัดการคลังข้อมูลอัตโนมัติเพื่อโหลดแพคเกจและขึ้นตรวจสอบและอัปเดตข้อมูล
  10. Visual GUI Builder: Eclipse มีเครื่องมือที่ช่วยในการสร้างตัวต่อต้านทานกราฟิก (Graphical User Interface, GUI) อย่างรวดเร็วและง่ายด้วย Visual GUI Builder เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้คุณสร้างหน้าต่างผู้ใช้และส่วนประสมอื่นๆ ในโปรแกรม Java ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเขียนโค้ด GUI ด้วยมือ
  11. Task and Issue Tracking Integration: คุณสามารถเชื่อมต่อ Eclipse กับระบบติดตามงานและปัญหา (task and issue tracking system) เช่น JIRA หรือ Bugzilla เพื่อดูและจัดการงานที่เกี่ยวข้องกับโปรเจ็กต์ของคุณ คุณสามารถตรวจสอบสถานะงาน, รายงานข้อผิดพลาด, และแสดงความคิดเห็นได้ทันทีจากภายใน Eclipse
  12. Code Metrics and Analysis: Eclipse มีเครื่องมือวิเคราะห์โค้ดที่ช่วยให้คุณวัดค่าตัวชี้วัดของโค้ด เช่น ความซับซ้อนทางคณิตศาสตร์, ความยาวและความซับซ้อนของเมทอด, ปริมาณโค้ดที่ซ้ำกัน, และอื่นๆ ซึ่งช่วยให้คุณปรับปรุงและปรับปรุงโค้ดของคุณให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น
  13. Code Templates: คุณสามารถกำหนดและใช้งานเทมเพลตโค้ด (code templates) ใน Eclipse เพื่อช่วยลดเวลาในการเขียนโค้ดที่ใช้บ่อย คุณสามารถกำหนดเทมเพลตโค้ดสำหรับโครงสร้างต่างๆ เช่น คลาส, เมทอด, การจัดรูปแบบโค้ด, และอื่นๆ
  14. Remote Development: Eclipse รองรับการพัฒนาโปรแกรมระยะไกล คุณสามารถเชื่อมต่อและพัฒนาโปรแกรมบนเครื่องแม่ข่ายหรือเครื่องคอมพิวเตอร์อื่น ๆ ที่อยู่ห่างไกล โดยใช้ตัวแก้ไขโค้ดและเครื่องมืออื่น ๆ ที่มีให้ใน Eclipse
  15. WindowBuilder: เป็นเครื่องมือสร้างและออกแบบ GUI ที่มีความสามารถในการสร้างหน้าต่างผู้ใช้งานต่างๆ อย่างรวดเร็วและง่ายด้วยการลากและวาง (drag and drop) และการจัดวาง (layout) ที่สะดวกสบาย
  16. FindBugs: เครื่องมือวิเคราะห์โค้ดที่ช่วยตรวจหาข้อผิดพลาดและกฎเกณฑ์เขียนโค้ดใน Java เพื่อช่วยให้คุณปรับปรุงคุณภาพของโค้ดและลดข้อผิดพลาด
  17. Checkstyle: เครื่องมือวิเคราะห์โค้ดที่ช่วยตรวจสอบความถูกต้องของรูปแบบการเขียนโค้ดและตัวแปรที่สนับสนุนมาตรฐานการเขียนโค้ด Java
  18. PMD: เครื่องมือวิเคราะห์โค้ดที่ช่วยตรวจหารูปแบบการเขียนโค้ดที่ไม่เหมาะสม และแนะนำวิธีการปรับปรุง.
  19. EclEmma: เครื่องมือวิเคราะห์ความครอบคลุมของการทดสอบโค้ด (code coverage) ใน Java ซึ่งช่วยให้คุณตรวจสอบว่าเทสเคสของคุณเคลื่อนที่ไปที่ส่วนไหนของโค้ด
  20. Javadoc Generator: เครื่องมือที่ช่วยในการสร้างเอกสาร Javadoc จากความคิดเห็นในโค้ดของคุณ เอกสาร Javadoc เป็นเอกสารที่ช่วยในการอธิบายโค้ดและการใช้งานของคลาสและเมทอด
  21. Mylyn: เป็นปลั๊กอินที่ช่วยในการจัดการงานและโครงสร้างของโปรเจ็กต์ ซึ่งช่วยให้คุณสามารถเน้นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  22. Code Recommenders: เครื่องมือที่ช่วยในการพยากรณ์และแนะนำโค้ดในระหว่างการเขียนโปรแกรม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความแม่นยำในการพัฒนา
  23. Tasktop: เครื่องมือที่ช่วยในการเชื่อมต่อกับเครื่องมือและระบบต่างๆ ที่ใช้ในการจัดการโปรเจ็กต์ อาทิเช่น JIRA, Trello, GitHub ฯลฯ
  24. SonarLint: เครื่องมือวิเคราะห์โค้ดที่ช่วยตรวจสอบคุณภาพของโค้ดและค้นหาข้อผิดพลาดที่เป็นไปได้ในระหว่างการเขียนโค้ด
  25. Spring Tools Suite (STS): เป็นเวอร์ชันพิเศษของ Eclipse ที่มีความรู้ในเทคโนโลยี Spring ซึ่งมีเครื่องมือและฟีเจอร์ที่ช่วยในการพัฒนาแอปพลิเคชัน Spring
  26. Hibernate Tools: เครื่องมือที่ช่วยในการสร้างและจัดการกับคลาส Entity ในโปรเจ็กต์ Hibernate
  27. EGit: เป็นปลั๊กอินที่ช่วยในการบริหารจัดการระบบควบคุมรุ่น Git ในโปรเจ็กต์ของคุณ
  28. Tomcat Plugin: เครื่องมือช่วยในการรับประกันว่าแอปพลิเคชัน Java ของคุณทำงานได้อย่างถูกต้องบนเซิร์ฟเวอร์ Tomcat
  29. JRebel: เครื่องมือสำหรับการโหลดโค้ด Java ใหม่ไปยังเซิร์ฟเวอร์ทันทีโดยไม่ต้องรีสตาร์ทแอปพลิเคชัน
  30. WindowTester: เป็นเครื่องมือสร้างและทดสอบ UI (User Interface) ที่ช่วยในการสร้างและรันทดสอบการตอบสนองของหน้าต่างผู้ใช้
  31. JDT (Java Development Tools) Debugging: ชุดเครื่องมือที่ช่วยในการแก้ไขบั๊กและตรวจสอบข้อมูลขณะรันโปรแกรม
  32. SWT Designer: เครื่องมือสร้างและออกแบบ GUI สำหรับการพัฒนาโปรแกรม Java โดยใช้ SWT (Standard Widget Toolkit)
  33. BIRT (Business Intelligence and Reporting Tools): เป็นเครื่องมือสร้างรายงานทางธุรกิจซึ่งช่วยในการสร้างและออกแบบรายงานที่ทันสมัย
  34. Cucumber Eclipse Plugin: เครื่องมือที่ช่วยในการเขียนและรันทดสอบแบบอัตโนมัติด้วย Cucumber ซึ่งเป็นเครื่องมือสร้างสเปคและเรื่องราวทดสอบ (testing) ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย
  35. Xtend: เครื่องมือสำหรับเขียนโค้ด Java ในรูปแบบที่สั้นและกระชับขึ้น ซึ่งมีความสามารถในการเพิ่มฟีเจอร์ให้กับ Java
  36. EMF (Eclipse Modeling Framework): เครื่องมือสร้างและจัดการกับโมเดลข้อมูล (data model) ที่ช่วยในการพัฒนาแอปพลิเคชันตามแบบจำลอง (model-driven development)
  37. Xtext: เป็นเครื่องมือสร้างภาษาโปรแกรมที่ช่วยในการสร้างภาษาที่กำหนดเองได้
  38. Oomph: เครื่องมือสำหรับการติดตั้งและกำหนดค่า Eclipse IDE และปลั๊กอินอื่นๆ ที่คุณต้องการ
  39. JHipster: เครื่องมือสำหรับสร้างและสร้างแอปพลิเคชัน Java โดยใช้เทมเพลต (template) และโค้ดที่สร้างโดยใช้เทคโนโลยีที่ได้รับความนิยม เช่น Spring Boot, Angular, React, ฯลฯ
  40. Jubula: เครื่องมือสำหรับการทดสอบ GUI ที่ช่วยในการพัฒนาและรันทดสอบอัตโนมัติสำหรับโปรแกรม Java ที่มีตัวตนกราฟิก



0
238