อายุไม่เยอะ แต่หาเงินเยอะได้

“อายุไม่เยอะ แต่หาเงินเยอะได้” ด้วยการติดตั้ง 4 ทัศนคติเหล่านี้ เคล็ดลับที่ได้มาจาก การตกผลึกหนังสือการเงินหลายเล่ม…


1. ไม่ว่าวัยไหน ให้ตั้งเลยว่า เราจะ "หาเงินให้เก่ง"มองหาหลักฐานที่ส่งเสริม ทัศนคติในการ “หาเงินเก่ง” เงินนั้นอยู่ไม่เป็นที่ ชอบเปลี่ยนที่อยู่ไปเรื่อย ๆ อยากได้ก็ต้องออกไปค้นหา ไม่ใช่คาดหวังให้เงินมาหาเรา เพราะถ้าหากช้าแค่ช่วงเวลาหนึ่ง เงินก็ย้ายที่อยู่แล้ว


หลายคนคงเคยได้ยินว่าไม่ว่าเศรษฐกิจจะดีหรือไม่ เงินไม่ได้หายไปไหน เงินก็แค่เปลี่ยนที่อยู่จากที่หนึ่ง ไปอีกที่หนึ่งเสมอ คนที่หาเงินได้เยอะ ๆ รู้กฎข้อนี้ดี จึงสามารถสร้างโอกาสได้ตลอดเวลา ด้วยการมองหาหนทางสร้างเงินใหม่ ๆ โดยหมั่นสังเกตในแต่ละช่วงเวลาว่า อะไรเป็นโอกาสที่จะทำเงินได้ง่ายขึ้นและเร็วที่สุด


เช่น เมื่อก่อนหากพูดถึงการค้าขาย ต้องมีหน้าร้าน ลูกค้าต้องได้จับหรือลองสินค้าของจริง ถึงจะเกิดการซื้อได้ แต่มาในยุคนี้ การค้าขายกลับพลิกโฉมใหม่ สามารถทำได้ในออนไลน์ทันที สินค้าจริงอาจจะมีหรือไม่มีในสต๊อกก็ได้ เพียงแค่ถ่ายรูปลงเว็บไซต์ ทิ้งเบอร์โทรศัพท์ หรือช่องทางติดต่อไว้ ก็สามารถทำธุรกิจเปิดร้านขายของได้ทันที


นี่คือการมองเห็นโอกาสใหม่ ๆ ตามช่วงเวลาที่ดี พร้อมลงมือทำไปเรื่อย ๆ เพื่อให้สามารถโกยเงินเข้ากระเป๋า โดยไม่รอให้เงินวิ่งมาหา เพราะนั่นไม่ใช่ธรรมชาติของเงิน ในเมื่อเงินชอบย้ายที่อยู่ จงมองหาที่อยู่ใหม่ของเงิน แล้วเก็บไว้ให้อยู่กับเราให้ได้


2. เมื่อทำงานแล้ว ให้ตั้งว่า เราจะ "รวยในแบบของเราเอง" สร้างทัศนคติในการ “รวยตั้งแต่อายุยังน้อย” อายุน้อย มีเงินน้อย ยังไงก็ไม่รวย คือความเชื่อในอดีต แต่ในตอนนี้ อายุเท่าไร มีเงินเท่าไหร่ ก็สามารถรวยได้ 


“ต้นทุน” คือสิ่งที่กำหนดชีวิตของใครหลายคน ในอดีตผู้ที่มีฐานะร่ำรวยอาจต้องมีต้นทุนมาก จึงจะสามารถใช้ต่อยอดทำเงินเพิ่มมากขึ้นได้ แต่ในตอนนี้หากคุณเริ่มต้นด้วยต้นทุนที่น้อย


แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือการเข้าถึง “ความรู้” และ “เงินทุน” ที่ง่ายมากขึ้น ในช่องทางที่หลากหลาย จากแหล่งข้อมูลนานาประเทศ และนั่นย่อมทำให้ต้นทุนของคุณถูกยกระดับให้สูงขึ้นไปโดยปริยาย 


เจ้าของธุรกิจจำนวนไม่น้อยที่เริ่มต้นจากไม่มีอะไรเลย หรือบางคนติดลบด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายก็สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวจนประสบความสำเร็จได้ตั้งแต่อายุยังน้อย


3. เริ่มมีเงินก้อนบ้างแล้ว ให้ตั้งว่า เราจะ "สร้างเงินให้งอกเงยด้วยการลงทุนทั้งเงิน เวลา และธุรกิจ" นักธุรกิจรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อย ไม่มีเวลาบริหารเงินของตนเอง เพราะทุ่มเทเวลาให้กับการทำธุรกิจ แต่หนึ่งวิธีที่สามารถช่วยให้ธุรกิจไปได้สวย และทำให้เงินงอกเงยได้พร้อม ๆ กับการเติบโตของธุรกิจก็คือการลงทุนใน “กองทุนรวม”


สิ่งที่คนอายุน้อยมักพลาดคือ ไม่ยอมเริ่มต้นลงทุนตั้งแต่เงินก้อนแรกที่หาได้ หลายคนมักรอให้มีเงินจำนวนมากก่อน ถึงจะเริ่มคิดลงทุนอย่างจริงจัง อาจเพราะคิดว่าเรื่องการเงิน เรื่องการลงทุน เป็นเรื่องของคนที่ผ่านการทำงานมาซักระยะ เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความรู้ความสามารถขั้นสูง หรือจำเป็นต้องมีเงินก้อนใหญ่ แต่ความเป็นจริงแล้วเราทุกคนสามารถลงทุนผ่าน “กองทุนรวม” ที่มีมืออาชีพคอยบริหารจัดการให้ได้


4. เมื่ออยู่ตัวบ้างแล้ว ให้ตั้งว่า เราจะ "ลงทุนด้วยความสม่ำเสมอ" ไม่ว่าเงิน 1 ล้านบาท 10 ล้านบาท หรือ 100 ล้านบาท หากต้องการให้ได้ตามเป้าหมาย สิ่งสำคัญคือต้อง “รู้จักตัวเอง” และ “พร้อมลงทุนในทุกสถานการณ์”


คนที่อยู่ในแต่ละช่วงวัยจะมีมุมมองต่อ “เงิน” แตกต่างกัน ในวัยรุ่นจะมองเงินเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนเพื่อความสนุกสนาน ใช้ซื้อของที่อยากได้ ใช้ดื่มกินเที่ยว


พอโตขึ้นมาในวัยทำงานเงินจะถูกจะมองเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนของที่มีคุณค่า ช่วยให้ชีวิตดีขึ้นและต้องเริ่มที่จะวางแผนสำหรับอนาคต เมื่อเข้าสู่วัยชราเงินจะถูกมองในรูปแบบของความอิสระ ความมีอิสระจากทุกอย่าง ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาใคร สามารถใช้เป็นทรัพยากรส่งตัวเองไปถึงบั้นปลายชีวิตที่สงบสุข 


ดังนั้นเมื่อเรารู้จักตัวเองว่าเราอยู่ในวัยไหน มุมมองต่อเงินเป็นอย่างไร ก็ย่อมสามารถตั้งเป้าหมาย และประเมินความเสี่ยงในการลงทุนของตนเองได้

0
174