น้ำตาล นักฆ่าเลือดเย็น

อย่าฝากชีวิตไว้กับหมอเน้นย้ำกันมาตลอดว่า ‘น้ำตาล คือ ยาพิษ’ เป็นสารเสพติดที่ควรหลีกเลี่ยง วันนี้เราขอยกเรื่องนี้มาพูดกันอีกสักรอบ เจาะลึกถึงผลร้ายอันดับต้นๆ ที่มันทำกับร่างกายของเรามาให้คุณอ่านกันครับ

1. ทำลายตับ น้ำตาลส่วนเกินนอกเหนือจากที่ร่างกายต้องการใช้จะถูกส่งไปที่ตับและสะสมในรูปแบบของไขมัน นานวันเข้าจะเกิดเป็นภาวะไขมันพอกตับ นอกจากเครื่องดื่มแอลกอฮอร์แล้วก็มีน้ำตาลนี่แหละค่ะ ที่ทานแล้วทำให้เกิดโรคไขมันพอกตับได้เช่นกัน นอกจากนี้ไขมันที่พอกตับจะไปเสริมอาการอักเสบในตับ ก่อมะเร็งในตับ เนื่องจากตับเป็นทั้งที่ผลิดน้ำดี ที่กรองสารพิษออกจากร่างกาย และเป็นหน่วยแปรรูปพลังงานให้ร่างกายเอาไปใช้งานได้ ถือได้ว่าเป็นส่วนที่สำคัญมากส่วนหนึ่งของร่างกาย หากตับเกิดความเสียหาย อวัยวะส่วนอื่นๆ ก็จะได้รับผลกระทบตามไปด้วย

2. ฮอร์โมนแปรปรวน ที่เราย้ำนักย้ำหนาว่าน้ำตาลคือสารเสพติด เพราะมันส่งผลกับฮอร์โมนในร่างกายของเราทำให้เราอยากกินอะไรหวานๆ ไม่เคยพอ เมื่อเราทานน้ำตาลประเภทฟรุคโตสเข้าไป มันจะไปกระตุ้นให้เกิดการสร้างฮอร์โมนอินซูลิน ซึ่งหน้าที่ของมันคือนำพาเอาน้ำตาลจากกระแสเลือดเข้าสู่เซลล์ และหยุดหลั่งเมื่อเซลล์อิ่ม เมื่อเป็นเช่นนี้ เซลล์จึงจะไม่อิ่มและน้ำตาลจะคงอยู่ในกระแสเลือดต่อไป เลปตินที่ทำให้เรารู้สึกอิ่มก็จะไม่หลั่ง ร่างกายจึงรู้สึกว่าทานน้ำตาลเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ นิสัยกินจุกจิกเกิดจากสิ่งนี้นี่เอง

ในขณะเดียวกัน เมื่อทานน้ำตาลประเภทอื่นๆ ติดต่อกันมากๆ เข้าอินซูลินก็จะหลั่งมากขึ้น ในขณะที่เซลล์ต้องการน้ำตาลเท่าเดิม แต่ใช้ปริมาณอินซูลินมากขึ้น ผลก็คือร่างกายจะตอบสนองต่ออินซูลินได้น้อยลง เนื่องจากมันเคยชินนับอินซูลินปริมาณมากๆ เกิดเป็นภาวะดื้ออินซูลิน สาเหตุของโรคเบาหวานชนิดที่ 2 นั่นเอง

นอกจากนี้อินซูลินยังมีผลกับสมอง เพราะอินซูลินจะไปกระตุ้นการสร้างโดพามีน หรือฮอร์โมนแห่งความพึงพอใจ เมื่อเกิดภาวะดื้ออินซูลิน การสร้างโดพามีนซึ่งพึ่งพาอินซูลินก็จะตอบสนองน้อยลงด้วย คุณจึงต้องการอินซูลินมากขึ้นเพื่อให้ได้โดพามีนเท่าเดิม ผลคือความอยากอาหารก็จะมากขึ้นด้วย คราวนี้ทั้งอินซูลิน เลปติน โดพามีน รวมทั้งฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการกินตัวอื่นๆ แผรปรวนทำงานอย่างไม่สมดุลไปด้วย

3. การเผาผลาญผิดปกติ ภาวะดื้ออินซูลินและพลังงานส่วนเกินที่เพิ่มขึ้นจากกินน้ำตาล ส่งผลให้เกิดการสะสมของไตรกลีเซอไรด์ ลดไขมันดี เพิ่มไขมันเลว ทำให้พุงย้อย จนสุดท้ายส่งผลให้การเผาผลาญผิดปกติไป ภาวะเผาผลาญผิดปกติ เป็นเหตุให้เกิดโรคร้ายแรงอื่นๆ ตามมา เช่น เกิดภาวะความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ มะเร็ง เป็นต้น 

จะเห็นว่าน้ำตาลไม่เพียงแต่จะมีผลเรื่องแคลอรี่ที่มากเกินไป น้ำหนัก และรูปร่างอย่างที่หลายๆ คนเข้าใจผิดกัน แม้แต่คนผอมก็มีปัญหาสุขภาพที่เกิดจากน้ำตาลได้เช่นกันหากตามใจปากทานน้ำตาลไม่ถูกวิธี แนวทางการหลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านี้คือ การควบคุมปริมาณน้ำตาล โดยไม่ควรเกิน 25 กรัม/วัน ลดความถี่ในการกิน เลิกนิสัยกินจุกจิก ลดแป้งในมื้อ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอครับ :)

0
204